สัญญาณการเข้าตลาดที่ยอดเยี่ยมหลายส่วนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มาลองดูกันที่กราฟเวลา 5 นาทีและดูว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันให้ความสนใจกับระดับ 1.2096 ในการทำนายตอนเช้าและขอแนะนำให้ตัดสินใจจากระดับนั้น เงินปอนด์ในขาขึ้นสามารถแตะเหนือระดับ 1.2096 และการทดสอบแบบย้อนกลับของระยะนี้จากจุดยอดไปยังจุดต่ำทำให้เกิดการสร้างสัญญาณที่จะเปิดตำแหน่งซื้อขึ้นมา จึงเป็นผลให้คู่สกุลเงินนี้เพิ่มขึ้นมามากกว่า30จุดและชนเข้ากับจุดยอดประจำวัน ตำแหน่งทะลุผ่านที่เป็นเท็จใน 1.2127 ในตอนบ่ายทำให้เกิดสัญญาณขายสำหรับเงินปอนด์ จึงส่งผลให้มีการปรับตัวลงมากกว่า 40จุด

เมื่อใดควรเปิดตำแหน่งซื้อในคู่สกุลเงิน GBP/USD:

เงินปอนด์ยังคงอยู่ในช่องแนวนอนที่เกิดขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์นี้และมีแนวโน้มว่าจะออกมาหลังจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในวันนี้ที่เผยแพร่ออกมาแล้วเท่านั้น ซึ่งเทรดเดอร์จำนวนมากจะต้องใช้งานรายงานนี้ หากอัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มสูงขึ้น ความต้องการเงินดอลลาร์จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนและเราจะเห็นคู่สกุลเงินนี้ขยับตัวลง หากเงินเฟ้อแสดงการลดลงครั้งแรกในระยะเวลานานเช่นนี้ เป็นไปได้ที่เงินปอนด์จะแข็งค่าขึ้นและกระทิงจะต้องต่อสู้เพื่อขอบบนของช่องแนวนอน หากคู่สกุลเงินนี้ร่วงลงในครึ่งแรกของวัน สถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อคือการทะลุผ่านที่เป็นเท็จใกล้กับขอบล่างของช่องสัญญาณแนวนอนและแนวรับที่ใกล้ที่สุดที่ 1.2065 โดยก่อตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ในกรณีนี้เองคุณสามารถใช้งานการทะยานขึ้นไปยังระดับ 1.2102 ของคู่สกุลเงิน GBP/USD หากสูงกว่านี้ คุณก็ตจะสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการปรับระดับ 1.2134 ได้ การทะลุผ่านในช่วงนี้จะพลิกตลาดและจะได้เห็นการก่อตัวของแนวโน้มขาขึ้นใหม่ด้วยการเปลี่ยนเป้าหมายที่อยู่ไกลกว่าเดิมที่ระดับ 1.2166 ซึ่ฉันแนะนำให้ทำกำไร

หากคู่สกุลเงิน GBP/USD ร่วงลงและไม่มีตลาดกระทิงที่ 1.2065 แรงกดดันต่อเงินปอนด์จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งจะคืนความได้เปรียบให้กับตลาดหมีที่ถือครองตลาดภายใต้การควบคุมตั้งแต่ต้นเดือนนี้ ในกรณีนี้ฉันแนะนำให้เลื่อนตำแหน่งซื้อเป็น 1.2037 ซึ่งเป็นแนวรับระดับกลางที่เกิดขึ้นจากวันศุกร์ที่แล้ว ฉันแนะนำให้คุณซื้อที่นั่นเฉพาะในจุดการทะลุผ่านที่เป็นเท็จ คุณสามารถเปิดตำแหน่งซื้อในคู่สกุลเงิน GBP/USD ทันทีเพื่อดีดตัวจาก 1.2005 หรือต่ำกว่านั้นในพื้นที่ 1.1964 โดยปรับฐาน 30-35 จุดภายรอบวัน

เมื่อใดควรเปิดตำแหน่งขายในคู่สกุลเงิน GBP/USD:

ตลาดหมีจะรอรายงานเงินเฟ้อของสหรัฐและดำเนินการตามรายงานดังกล่าว แน่นอนว่าความพยายามที่จะทะลุผ่านระดับ 1.2065 อาจเกิดขึ้นในครึ่งแรกของวัน แต่ไม่น่าเป็นไปได้ที่เราจะเห็นว่าการปรับตัวลงอย่างจริงจังของคู่สกุลเงินนี้ไปต่ำกว่าระดับนี้ ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือตำแหน่งขายของการเติบโตของเงินปอนด์จุดกึ่งกลางช่องแนวนอนที่ 1.2102 การสร้างจุดทะลุผ่านที่เป็นเท็จจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีโดยมีเป้าหมายที่จะย้ายไปที่แนวรับที่ใกล้ที่สุดใน 1.2065 เนื่องจากไม่มีข้อมูลที่สำคัญสำหรับสหราชอาณาจักรในปัจจุบัน จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จะสามารถทะลุผ่านต่ำกว่าระดับนี้ได้โดยไม่มีปัญหา เฉพาะการทะลุทะลวงและการทดสอบย้อนกลับจากช่วงต่ำกว่า 1.2065 เท่านั้นที่จะให้จุดเริ่มต้นสำหรับการขายได้ลดลงไปที่ 1.2037 และพื้นที่ 1.2005 จะเป็นเป้าหมายต่อไป ซึ่งฉันขอแนะนำให้ทำกำไร โดยเราจะสามารถบรรลุการต่อจุดต่ำใหม่ในรอบเดือนได้ราวๆระดับ 1.1964 เท่านั้น ซึ่งจะมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของวัน

ในกรณีที่คู่สกุลเงิน GBP/USD เติบโตและไม่มีตลาดหมีที่ 1.2102 ตลาดกระทิงจะมีโอกาสสูงที่จะกลับมาที่ 1.2134 ซึ่งจะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากสำหรับตลาดหมีของเงินปอนด์ มีเพียงการทะลุผ่านที่เป็นเท็จประมาณ 1.2134 เท่านั้นที่จะสร้างจุดเริ่มต้นไปยังตำแหน่งขายโดยคาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวลง หากเทรดเดอร์ไม่ได้เคลื่อนตัวไปที่นั่นด้วยเช่นกัน อาจมีการพุ่งขึ้นสูงถึง 1.2166 ที่นั่น ฉันแนะนำให้คุณขายคู่สกุงเงิน GBP/USD ทันทีเพื่อการดีดตัว โดยอิงจากการดีดตัวของคู่สกุลเงินนี้ลงไปถึง 30-35 จุดภายในรอบวัน

รายงาน COT :

รายงาน Commitment of Traders (COT) จากตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคมแสดงให้เห็นถึงจำนวนตำแหน่งขายและซื้อที่ลดลง อย่างไรก็ตามจำนวนตำแหน่งซื้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลของเทรดเดอร์เกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันในสหราชอาณาจักรและนโยบายเชิงรุกของธนาคารแห่งอังกฤษ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหน่วยงานกำกับดูแลปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามนโยบายขึ้นเป็น 0.5 จุดพื้นฐาน นี่เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบ 27 ปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าธนาคารกลางพร้อมที่จะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างรวดเร็ว เพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ อัตราเงินเฟ้ออาจสูงถึง 13.0% ภายในเดือนตุลาคมของปีนี้ตามการคาดการณ์อย่างเป็นทางการ เทรดเดอร์ของเงินปอนด์ก็ไม่ควรสูญเสียความหวังแม้ภายใต้สภาวะปัจจุบัน เนื่องจากค่าเงินถูกขายมากเกินไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หากในอนาคตอันใกล้นี้ ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุน คู่สกุลเงินเงินปอนด์และดอลลาร์อาจกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง รายงาน COT เปิดเผยว่าจำนวนตำแหน่งซื้อที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ได้ลดลง 5,301 ไปเป็น 29,305 ขณะที่จำนวนตำแหน่งขายที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ลดลง 2,882 ไปเป็น 85,714 ซึ่งทำให้มูลค่าลบของตำแหน่งสุทธิที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นถึงระดับ -56,409 จาก -53,990 ราคาปิดรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นเป็น 1.2180 เมื่อเทียบกับ 1.2043

ฉันแนะนำให้อ่าน:

สัญญาณบ่งชี้:

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

การซื้อขายจะดำเนินการในพื้นที่ของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 30 และ 50 วัน ซึ่งระบุลักษณะด้านข้างของตลาด

หมายเหตุ: ผู้เขียนจะพิจารณาช่วงเวลาและราคาของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ในแผนภูมิรายชั่วโมงของ H1 และมีความแตกต่างจากคำจำกัดความทั่วไปของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ประจำวันแบบเดิมในแผนภูมิ D1 ประจำวัน

Bollinger Bands

กรณีที่มีเติบโต พื้นที่ 1.2102 จะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน หากคู่สกุลเงินนี้ร่วงลง เส้นขอบล่างของตัวบ่งชี้ที่ประมาณ 1.2055 จะทำหน้าที่เป็นแนวรับ

คำอธิบายของตัวชี้วัด

• ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ กำหนดแนวโน้มปัจจุบันโดยทำให้ความผันผวนและสัญญาณรบกวนลดลง) ช่วง 50 ขีดสีเหลืองบนแผนภูมิ
• ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ กำหนดแนวโน้มปัจจุบันโดยทำให้ความผันผวนและสัญญาณรบกวนลดลง) ช่วงเวลา 30. ขีดสีเขียวบนแผนภูมิ
• ตัวบ่งชี้ MACD (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Convergence/Divergence ที่เป็นแนว convergence/divergence ของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) ระยะเวลา EMA ด่วน 12. ระยะเวลา EMA แบบช้าจนถึง 26 ระยะเวลา SMA 9
• Bollinger Bands (Bollinger Bands). ระยะเวลา 20
• เทรดเดอร์เก็งกำไรที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์เช่นเทรดเดอร์รายย่อย กองทุนป้องกันความเสี่ยง และสถาบันขนาดใหญ่ที่ใช้ตลาดซื้อขายล่วงหน้าเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็งกำไรและตรงตามข้อกำหนดบางประการ
• สถานะการซื้อที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์แสดงถึงตำแหน่งซื้อทีเ่ปิดอยู่ทั้งหมดของเทรดเดอร์ที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์
• สถานะการขายที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์แสดงถึงตำแหน่งขายที่เปิดอยู่ทั้งหมดของเทรดเดอร์ที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์
• ตำแหน่งสุทธิที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ทั้งหมดคือความต่างระหว่างตำแหน่งขายและซื้อของเทรดเดอร์ที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์